พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เข้าสู่ระบบ
หน้าแรก
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ค้นหาข้อมูล
เข้าสู่ระบบ
วัวธนูวัดศรีษะท...
วัวธนูวัดศรีษะทอง 1ใน5สุดยอดเครื่องรางไทย
วัวธนูวัดศรีษะทอง 1ใน5สุดยอดเครื่องรางไทย..มาตราฐานงานประกวดศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ 26/7/58 หลวงพ่อน้อย คนฺธโต อดีตเจ้าอาวาสวัดศีรษะทอง จ.นครปฐม นอกจากท่านจะสร้างกะลาแกะราหูอมจันทร์อันลือลั่นสะท้านแผ่นดินแล้ว หลวงพ่อน้อยท่านยังได้สร้าง ? วัวธนู ? ซึ่งเป็นเครื่องรางของขลังอีกชนิดหนึ่งที่มีความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
โดยตามตำนานที่แท้จริง หลวงพ่อน้อยท่านได้สร้างวัวธนูขึ้นตามตำราที่ได้ตกทอดกันมาโดยเชื่อกันว่าสมเด็จพระวันรัตน์ วัดป่าแก้ว ( เดิมชื่อวัดพระยาไทย ) หรือในปัจจุบันก็คือวัดใหญ่ชัยมงคลนั่นเอง เป็นเจ้าของต้นตำรับในการสร้างวัวธนู ซึ่งวิธีการสร้างวัวธนูของหลวงพ่อน้อยนั้น ท่านจะสร้างในโบสถ์ โดยมีการจัดเตรียมโรงพิธีซึ่งใช้ผ้าขาวขลิบทองขึงปิดทั่วห้องพิธี รวมทั้งเพดานฝ้าด้วย มีเครื่องเซ่นบัดพลีเป็นหัวหมู พร้อมทั้งอาหารคาวหวาน ผลไม้นานาชนิด ล้อมวงด้วยด้ายสายสิญจน์รอบโบสถ์ พอถึงฤกษ์สิทธิโชคที่หลวงพ่อได้กำหนดไว้ ก็เริ่มพิธีด้วยการจุดธูปเทียนชัย
ในสมัยนั้น ผู้ที่จะเข้าพิธีปลุกเสกวัวธนู ต้องเป็นผู้ชายล้วนที่บำเพ็ญเพียรถือศีลห้าก่อนพิธีเจ็ดวัน อีกทั้ง ต้องนุ่งขาวห่มขาว ทั้งนี้ ซึ่งการสร้างวัวธนูนั้น จะต้องสร้างให้เสร็จภายในเวลา ๒ ชั่วโมง ๒๗ นาที และต้องสร้างในวันมาฆบูชาหรือในวันวิสาขบูชาเท่านั้น จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้แต่เนิ่น ๆ
การสร้างวัวธนูนั้น สิ่งที่ต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนเข้าพิธีก็มี....
๑.ผูกโครงสร้างของวัวธนูด้วยเส้นลวด
๒.เตรียมแผ่นโลหะสำหรับทำตะกรุดดอกเล็ก ๆ
๓.ชันโรงจากต้นพุทรา ซึ่งมีทั้งหลวงพ่อน้อยท่านเก็บไว้และผู้ให้สร้างวัวธนูนำมาเองโดยนำ ไปใส่ในภาชนะตั้งไฟ แล้วทำการเคี่ยวเตรียมไว้การสร้างวัวธนูของหลวงพ่อน้อยนั้น ก่อนอื่นต้องสร้างโครงสร้างให้เป็นรูปร่างวัวธนูขึ้นมาก่อนด้วยเส้นลวดที่ทำจากเนื้อโลหะ ซึ่งโลหะที่นำมาทำเส้นลวดนั้น มักได้แก่โลหะจำพวกทองแดง เงิน นาค ทองคำ เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่แล้ว มักจะเป็นพวกทองแดงเสียมากกว่า
ส่วนแผ่นโลหะที่นำมาทำเป็นตะกรุดดอกเล็กก็เช่นกัน มีทั้งโลหะเนื้อทองแดง เงิน นาคและทองคำ
พอถึงฤกษ์ที่กำหนดไว้ หลวงพ่อน้อยจะลงจารอักขระขอมในแผ่นโลหะพร้อมกับม้วนเป็นตะกรุด ท่านลงจารด้วยคาถาหัวใจพระฉิม ? นะชาลิติ ? บางแผ่นอาจมีลงจารคำว่า ? นะ ๑๒ ? และ ? โม ๒๑ ? เข้าไว้ด้วย ซึ่งหมายถึงพระคุณบิดามารดาผู้ให้กำเนิด )
เสร็จแล้วท่านจะส่งต่อให้ผู้เข้าร่วมพิธีนำไปใส่บรรจุในโครงลวดที่จะสร้างวัวธนู แล้วให้เอาชันโรงที่เคี่ยวไว้พอกทับโครง แล้วจึงปั้นเป็นวัวธนูต่อไป
วัวธนูที่ปั้นเสร็จแล้ว ท่านจะนำมาเจิมเขาด้วยน้ำมันจันทน์ทุกตัว พร้อมทั้งภาวนาพระคาถากำกับซ้ำอีกครั้ง
นอกจากสร้างด้วยโครงลวดแล้ว วัวธนูของหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทองที่สร้างด้วยชันโรงล้วน ๆ ก็มี แต่ไม่มากนัก โดยเกิดจากการที่ว่าในขณะที่ทำพิธีนั้น ชันโรงที่เคี่ยวเตรียมไว้เกิดมีเหลือ และผู้เข้าร่วมพิธีต้องการวัวธนูเพิ่มอีก หลวงพ่อท่านก็จะปั้นให้โดยไม่ต้องมีลวดเป็นโครงร่าง
วัวธนูของหลวงพ่อน้อยนั้น จะมีรูปลักษณ์ขนาดเล็กและใหญ่ต่างกันไป แล้วแต่ผู้สร้างจะออกรูปแบบโครงสร้างของลวดเป็นแบบไหน วัวธนูตัวที่ใหญ่ที่สุด มีการสร้างตัวยาวขนาด ๖ นิ้วก็มี แต่ก็มีจำนวนไม่มากนัก
ส่วนวัวธนูที่สร้างด้วย ? เขากระทิง ? นั้น จะมีการสร้างไว้ไม่มาก ส่วนใหญ่ผู้สร้างแกะเขาเป็นรูปวัวมาแล้วเอาเข้าร่วมในพิธี ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายฝีมือทีเดียวลักษณะที่พึงสังเกตวัวธนูของหลวงพ่อน้อย:
๑.วัวธนูที่แท้จริง จะมีโครงลวดและแผ่นตะกรุด จึงทำให้มีน้ำหนัก หากวัวธนูตัวใดมีน้ำ หนักเบา ต้องถามที่มาที่ไปให้ละเอียดถี่ถ้วนแน่ชัด
๒.วัวธนูที่สร้างจากชันโรง เนื้อชันโรงจะมีความแห้งและแน่นตัวมาก เมื่อใช้กล้องส่องดู จะเห็นเนื้อชันโรงเหมือนผสมผงอยู่ด้วย แต่แท้ที่จริงแล้ว มันคือเปลือกต้นพุทราผุที่เอามาเคี่ยวรวมกันนั่นเอง
๓.ชันโรงที่ปั้นเป็นวัวธนู จะต้องมีสีแดงดำอมน้ำตาล สีจะไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผิวกายของวัวธนู จะมีลักษณะหยาบ ไม่เรียบร้อย
๔.ไม่มีการลงอักขระใด ๆ ที่ตัววัวธนูทั้งสิ้น หากมีนั่นย่อมแสดงว่าเอามาลงในภายหลัง นอกจากนี้ ไม่มีการปิดทองที่ตัววัว ถ้ามีปิดก็ปิดเป็นบางจุดเท่านั้น ถ้าปิดทั้งตัวเป็นการปิดทีหลังแน่นอน ทั้งนี้ เพราะการสร้างวัวธนูนั้น มีกำหนดเวลาในการทำพิธีน้อยและต้องเสร็จให้ทันภายในพิธีด้วย
วิธีบูชาวัวธนู:
ในการบูชาวัวธนูของหลวงพ่อน้อย จะเหนื่อยหน่อยก็ตรงครั้งแรกเท่านั้น กล่าวคือจะต้องไปหาน้ำจากสระถึง๕แห่ง สระละนิดสระละหน่อยมาใส่แก้วไว้บูชา ต่อจากนั้นให้หาใบพุทรา ๕ ใบ หาใบหญ้าคา ๕ ใบ แล้วนำมารวมเป็นขอดไว้ใบละเปาะ แต่ละขอดให้ภาวนาพระคาถา ? อุปคุตมัดมาร ? ที่ว่า ? อิมํ อฺงคพนฺธนํ อธิฎฐามิ ?
เสร็จแล้วให้จุดเทียน ๑ คู่ ธูป ๔ ดอกบูชา แล้วให้น้อมรำลึกถึงปรมาจารย์ผู้ริเริ่มการสร้างวัวธนู ซึ่งก็คือสมเด็จพระวันรัตน์ วัดป่าแก้วเป็นท่านแรก และองค์สุดท้ายให้น้อมรำลึกถึงหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เสร็จแล้วให้ภาวนาพระคาถากำกับวัวธนู ซึ่งมีข้อความดังนี้....
? เวทาสากุกุ ทาสาเวทา ยัสสะตะถะสาสา ทิกุกุทิสาสา กุตะกุ ภูตะภุโค โหตุเต ชัยยะมังคลานิ ?
พุทธคุณและคุณประโยชน์ของวัวธนู : เชื่อกันว่าวัวธนูของหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทองนั้น มีพุทธคุณแบบที่เรียกว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมตตามหานิยม มีเสน่ห์ การค้าการขายดีเยี่ยม ทั้งปกป้องคุ้มครองตนเองและบ้านพักอาศัย ทำให้ศัตรูกลับมารัก ทำน้ำมนต์ก็ดีเลิศ กล่าวคือใช้น้ำที่อาบวัวธนูนั้นมาอาบตัวเรา เชื่อว่าจะไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยอยู่ ก็จะหายวันหายคืน ถ้าอาบประจำ ก็จะทำให้เกิดมีโชคลาภทั้งปี..
ผู้เข้าชม
1364 ครั้ง
ราคา
โทรถามครับ
สถานะ
ยังอยู่
โดย
Kornpra
ชื่อร้าน
ยังไม่เปิดร้านค้า
ร้านค้า
-
โทรศัพท์
0988836414
ไอดีไลน์
-
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 001-8-88422-4
พระพุทโธน้อย--พิมพ์กลางเนื้อปู
ชิ้นส่วนพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ
พระเนื้อว่าน ยอดนิยม
พระพุทโธน้อย--พิมพ์ใหญ่เนื้อปู
พระเจ้าสัวชัยวัฒน์เนื้อทองคำ ว
เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อเกิด วัดส
เหรียญปิดตา หลวงพ่อแก้ว เกสาโร
เหรียญหล่อโบราณหลวงพ่อทา วัดพะ
พระชัยวัฒน์ สุจิตโต วัดบวรนิเว
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
ลงพระฟรี
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ลืมรหัสผ่าน
ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
ponsrithong2
ณัฐ อัมพวา
Zomlazzali
เนินพระ99
fuchoo18
chathanumaan
ระ คลองสาม
sirikorn
someman
อ้น อักขระ
Johnny amulet
บ้านพระหลักร้อย
moshy2499
frank_tum
ไอซ์ชัยนาท
บ้านพระสมเด็จ
stp253
natthanet
hra7215
หริด์ เก้าแสน
เจริญ amulet
ปาล์ม บารมีเครื่องราง
abhirath.u
hopperman
Leksoi8
กรัญระยอง
TotoTato
Beerchang พระเครื่อง
ep8600
เอก พานิชพระเครื่อง
ผู้เข้าชมขณะนี้ 1378 คน
เพิ่มข้อมูล
วัวธนูวัดศรีษะทอง 1ใน5สุดยอดเครื่องรางไทย
ส่งข้อความ
ชื่อพระเครื่อง
วัวธนูวัดศรีษะทอง 1ใน5สุดยอดเครื่องรางไทย
รายละเอียด
วัวธนูวัดศรีษะทอง 1ใน5สุดยอดเครื่องรางไทย..มาตราฐานงานประกวดศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ 26/7/58 หลวงพ่อน้อย คนฺธโต อดีตเจ้าอาวาสวัดศีรษะทอง จ.นครปฐม นอกจากท่านจะสร้างกะลาแกะราหูอมจันทร์อันลือลั่นสะท้านแผ่นดินแล้ว หลวงพ่อน้อยท่านยังได้สร้าง ? วัวธนู ? ซึ่งเป็นเครื่องรางของขลังอีกชนิดหนึ่งที่มีความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
โดยตามตำนานที่แท้จริง หลวงพ่อน้อยท่านได้สร้างวัวธนูขึ้นตามตำราที่ได้ตกทอดกันมาโดยเชื่อกันว่าสมเด็จพระวันรัตน์ วัดป่าแก้ว ( เดิมชื่อวัดพระยาไทย ) หรือในปัจจุบันก็คือวัดใหญ่ชัยมงคลนั่นเอง เป็นเจ้าของต้นตำรับในการสร้างวัวธนู ซึ่งวิธีการสร้างวัวธนูของหลวงพ่อน้อยนั้น ท่านจะสร้างในโบสถ์ โดยมีการจัดเตรียมโรงพิธีซึ่งใช้ผ้าขาวขลิบทองขึงปิดทั่วห้องพิธี รวมทั้งเพดานฝ้าด้วย มีเครื่องเซ่นบัดพลีเป็นหัวหมู พร้อมทั้งอาหารคาวหวาน ผลไม้นานาชนิด ล้อมวงด้วยด้ายสายสิญจน์รอบโบสถ์ พอถึงฤกษ์สิทธิโชคที่หลวงพ่อได้กำหนดไว้ ก็เริ่มพิธีด้วยการจุดธูปเทียนชัย
ในสมัยนั้น ผู้ที่จะเข้าพิธีปลุกเสกวัวธนู ต้องเป็นผู้ชายล้วนที่บำเพ็ญเพียรถือศีลห้าก่อนพิธีเจ็ดวัน อีกทั้ง ต้องนุ่งขาวห่มขาว ทั้งนี้ ซึ่งการสร้างวัวธนูนั้น จะต้องสร้างให้เสร็จภายในเวลา ๒ ชั่วโมง ๒๗ นาที และต้องสร้างในวันมาฆบูชาหรือในวันวิสาขบูชาเท่านั้น จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้แต่เนิ่น ๆ
การสร้างวัวธนูนั้น สิ่งที่ต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนเข้าพิธีก็มี....
๑.ผูกโครงสร้างของวัวธนูด้วยเส้นลวด
๒.เตรียมแผ่นโลหะสำหรับทำตะกรุดดอกเล็ก ๆ
๓.ชันโรงจากต้นพุทรา ซึ่งมีทั้งหลวงพ่อน้อยท่านเก็บไว้และผู้ให้สร้างวัวธนูนำมาเองโดยนำ ไปใส่ในภาชนะตั้งไฟ แล้วทำการเคี่ยวเตรียมไว้การสร้างวัวธนูของหลวงพ่อน้อยนั้น ก่อนอื่นต้องสร้างโครงสร้างให้เป็นรูปร่างวัวธนูขึ้นมาก่อนด้วยเส้นลวดที่ทำจากเนื้อโลหะ ซึ่งโลหะที่นำมาทำเส้นลวดนั้น มักได้แก่โลหะจำพวกทองแดง เงิน นาค ทองคำ เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่แล้ว มักจะเป็นพวกทองแดงเสียมากกว่า
ส่วนแผ่นโลหะที่นำมาทำเป็นตะกรุดดอกเล็กก็เช่นกัน มีทั้งโลหะเนื้อทองแดง เงิน นาคและทองคำ
พอถึงฤกษ์ที่กำหนดไว้ หลวงพ่อน้อยจะลงจารอักขระขอมในแผ่นโลหะพร้อมกับม้วนเป็นตะกรุด ท่านลงจารด้วยคาถาหัวใจพระฉิม ? นะชาลิติ ? บางแผ่นอาจมีลงจารคำว่า ? นะ ๑๒ ? และ ? โม ๒๑ ? เข้าไว้ด้วย ซึ่งหมายถึงพระคุณบิดามารดาผู้ให้กำเนิด )
เสร็จแล้วท่านจะส่งต่อให้ผู้เข้าร่วมพิธีนำไปใส่บรรจุในโครงลวดที่จะสร้างวัวธนู แล้วให้เอาชันโรงที่เคี่ยวไว้พอกทับโครง แล้วจึงปั้นเป็นวัวธนูต่อไป
วัวธนูที่ปั้นเสร็จแล้ว ท่านจะนำมาเจิมเขาด้วยน้ำมันจันทน์ทุกตัว พร้อมทั้งภาวนาพระคาถากำกับซ้ำอีกครั้ง
นอกจากสร้างด้วยโครงลวดแล้ว วัวธนูของหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทองที่สร้างด้วยชันโรงล้วน ๆ ก็มี แต่ไม่มากนัก โดยเกิดจากการที่ว่าในขณะที่ทำพิธีนั้น ชันโรงที่เคี่ยวเตรียมไว้เกิดมีเหลือ และผู้เข้าร่วมพิธีต้องการวัวธนูเพิ่มอีก หลวงพ่อท่านก็จะปั้นให้โดยไม่ต้องมีลวดเป็นโครงร่าง
วัวธนูของหลวงพ่อน้อยนั้น จะมีรูปลักษณ์ขนาดเล็กและใหญ่ต่างกันไป แล้วแต่ผู้สร้างจะออกรูปแบบโครงสร้างของลวดเป็นแบบไหน วัวธนูตัวที่ใหญ่ที่สุด มีการสร้างตัวยาวขนาด ๖ นิ้วก็มี แต่ก็มีจำนวนไม่มากนัก
ส่วนวัวธนูที่สร้างด้วย ? เขากระทิง ? นั้น จะมีการสร้างไว้ไม่มาก ส่วนใหญ่ผู้สร้างแกะเขาเป็นรูปวัวมาแล้วเอาเข้าร่วมในพิธี ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายฝีมือทีเดียวลักษณะที่พึงสังเกตวัวธนูของหลวงพ่อน้อย:
๑.วัวธนูที่แท้จริง จะมีโครงลวดและแผ่นตะกรุด จึงทำให้มีน้ำหนัก หากวัวธนูตัวใดมีน้ำ หนักเบา ต้องถามที่มาที่ไปให้ละเอียดถี่ถ้วนแน่ชัด
๒.วัวธนูที่สร้างจากชันโรง เนื้อชันโรงจะมีความแห้งและแน่นตัวมาก เมื่อใช้กล้องส่องดู จะเห็นเนื้อชันโรงเหมือนผสมผงอยู่ด้วย แต่แท้ที่จริงแล้ว มันคือเปลือกต้นพุทราผุที่เอามาเคี่ยวรวมกันนั่นเอง
๓.ชันโรงที่ปั้นเป็นวัวธนู จะต้องมีสีแดงดำอมน้ำตาล สีจะไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผิวกายของวัวธนู จะมีลักษณะหยาบ ไม่เรียบร้อย
๔.ไม่มีการลงอักขระใด ๆ ที่ตัววัวธนูทั้งสิ้น หากมีนั่นย่อมแสดงว่าเอามาลงในภายหลัง นอกจากนี้ ไม่มีการปิดทองที่ตัววัว ถ้ามีปิดก็ปิดเป็นบางจุดเท่านั้น ถ้าปิดทั้งตัวเป็นการปิดทีหลังแน่นอน ทั้งนี้ เพราะการสร้างวัวธนูนั้น มีกำหนดเวลาในการทำพิธีน้อยและต้องเสร็จให้ทันภายในพิธีด้วย
วิธีบูชาวัวธนู:
ในการบูชาวัวธนูของหลวงพ่อน้อย จะเหนื่อยหน่อยก็ตรงครั้งแรกเท่านั้น กล่าวคือจะต้องไปหาน้ำจากสระถึง๕แห่ง สระละนิดสระละหน่อยมาใส่แก้วไว้บูชา ต่อจากนั้นให้หาใบพุทรา ๕ ใบ หาใบหญ้าคา ๕ ใบ แล้วนำมารวมเป็นขอดไว้ใบละเปาะ แต่ละขอดให้ภาวนาพระคาถา ? อุปคุตมัดมาร ? ที่ว่า ? อิมํ อฺงคพนฺธนํ อธิฎฐามิ ?
เสร็จแล้วให้จุดเทียน ๑ คู่ ธูป ๔ ดอกบูชา แล้วให้น้อมรำลึกถึงปรมาจารย์ผู้ริเริ่มการสร้างวัวธนู ซึ่งก็คือสมเด็จพระวันรัตน์ วัดป่าแก้วเป็นท่านแรก และองค์สุดท้ายให้น้อมรำลึกถึงหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เสร็จแล้วให้ภาวนาพระคาถากำกับวัวธนู ซึ่งมีข้อความดังนี้....
? เวทาสากุกุ ทาสาเวทา ยัสสะตะถะสาสา ทิกุกุทิสาสา กุตะกุ ภูตะภุโค โหตุเต ชัยยะมังคลานิ ?
พุทธคุณและคุณประโยชน์ของวัวธนู : เชื่อกันว่าวัวธนูของหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทองนั้น มีพุทธคุณแบบที่เรียกว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมตตามหานิยม มีเสน่ห์ การค้าการขายดีเยี่ยม ทั้งปกป้องคุ้มครองตนเองและบ้านพักอาศัย ทำให้ศัตรูกลับมารัก ทำน้ำมนต์ก็ดีเลิศ กล่าวคือใช้น้ำที่อาบวัวธนูนั้นมาอาบตัวเรา เชื่อว่าจะไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยอยู่ ก็จะหายวันหายคืน ถ้าอาบประจำ ก็จะทำให้เกิดมีโชคลาภทั้งปี..
ราคาปัจจุบัน
โทรถามครับ
จำนวนผู้เข้าชม
1714 ครั้ง
สถานะ
ยังอยู่
โดย
Kornpra
ชื่อร้าน
ยังไม่เปิดร้านค้า
URL
-
เบอร์โทรศัพท์
0988836414
ID LINE
-
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 001-8-88422-4
กำลังโหลดข้อมูล
หน้าแรกลงพระฟรี